原文:
ตั้งแต่ช่วงตรุษจีนปีนี้เป็นต้นมาเชื้อไวรัสโควิด-19ที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วทำให้ชีวิตการงานอันเงียบสงบของชาวจีนจำนวนมากต้องเปลี่ยนจังหวะไปแวดวงต่างๆเกือบทั่วประเทศต่างได้เข้าร่วมการต่อสู้กับไวรัสดังกล่าวและทุ่มเทกำลังเพื่อช่วยเหลือเมืองอู่ฮั่นให้ผ่านพ้นวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสซึ่งชาวอู่ฮั่นทั่วไปจำนวนไม่น้อยก็เริ่มมีชีวิตแบบพิเศษที่ไม่เหมือนอดีต
นายวังหย่งชาวอู่ฮั่นที่ทำงานส่งพัสดุด่วนในเมืองช่วงนี้กลายเป็นคนโด่งดังซึ่งมีผู้สื่อข่าวติดตามสัมภาษณ์มาหลายครั้งการเปลี่ยนแปลงของชีวิตเขาเริ่มขึ้นตั้งแต่วันส่งท้ายปีเก่าที่ผ่านมานี้คืนวันส่งท้ายปีเก่าหลังจากทานอาหารกับครอบครัวเสร็จ นายวัง หย่งพบข้อความขอความช่วยเหลือในโมเมนต์วีแชทข้อความหนึ่งซึ่งนางพยาบาลคนหนึ่งในโรงพยาบาลจินหยินถานขอความช่วยเหลือจองรถกลับบ้านเพราะบริเวณโรงพยาบาลถูกจำกัดการเดินรถเมล์แล้วเนื่องจากเกิดการระบาดอย่างหนักของโควิด-19 พยาบาลคนนี้ทดลองจองรถแท็กซี่แต่โรงพยาบาลจินหยินถานมีผู้ป่วยโควิด-19 จำนวนมากคนขับส่วนใหญ่กลัวติดเชื้อเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วยังไม่มีคนรับงานนี้หากเดินกลับบ้านต้องใช้เวลา4ชั่วโมง เธอเข้าทำงานกลางคืนและได้เลิกงานตอน 6โมงเช้าของวันถัดไปจึงโพสต์ขอความช่วยเหลือลงโมเมนต์โดยหวังจะมีคนขับแท็กซี่ใจดีที่ช่วยส่งเธอกลับบ้านแม้เรื่องนี้มีความเสี่ยงทางสุขภาพแต่นายวังหย่งก็อยากจะไปช่วยเขาขับรถไปเองโดยโกหกพ่อแม่และภรรยาว่าบริษัทเขาเรียกให้ไปทำงานเพิ่มเพราะไม่อยากให้ครอบครัวเกิดความกังวลเมื่อไปถึงโรงพยาบาลตามนัดพยาบาลคนนี้รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่งและบอกว่านึกไม่ถึงว่ามีคนมารับจริงๆเธอน้ำตาไหลตลอดระหว่างทาง
หลังจากส่งพยาบาลคนนี้กลับบ้านแล้วนายวังหย่งตั้งใจกลับโรงพยาบาลจินหยินถานอีกเพื่อรับส่งหมอและพยาบาลจำนวนมากยิ่งขึ้นต่อในวันนั้นเขาได้รับส่งเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของโรงพยาบาลดังกล่าวรวมแล้วกว่า 30 คน ขณะกลับบ้าน นายวัง หย่งก็แอบคิดกังวลใจเหมือนกันว่าถ้าตัวเองติดเชื้อด้วยจะทำอย่างไรดีแต่เมื่อเห็นว่ามีคนเรียกรถอีกเขาก็ตัดสินใจโทรบอกภรรยาว่าวันนี้ไม่กลับบ้านแล้วเพราะมีการติดต่อกับผู้ถูกสงสัยติดเชื้อไวรัสจึงต้องถูกกักตัวเป็นเวลา7วันช่วงนี้คงต้องนอนที่คลังบริษัทภรรยาฟังแล้วร้องไห้ใหญ่ใช้เวลานานจึงสามารถสงบสติอารมณ์เป็นปกติได้โรงพยาบาลจินหยินถานเป็นโรงพยาบาลรับผู้ป่วยโควิด-19มากที่สุดในเมืองอู่ฮั่นช่วงนั้น เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของโรงพยาบาลดังกล่าวทำงานไม่ได้หยุดตลอด24ชั่วโมงเป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้วคนที่ได้นอนพักบนเตียงมีไม่ถึง10%ส่วนใหญ่ได้พักผ่อนเพียงนั่งบนเก้าอี้เป็นระยะสั้นๆ
นายวังหย่งตั้งใจให้ความช่วยเหลือแก่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์อย่างเต็มที่แต่เขาพิจารณาแล้วว่าแม้ใช้ความพยายามมากที่สุด เขาคนเดียวสามารถวิ่งรถได้แค่วันละ 300 กิโลเมตรเท่านั้นเพื่อให้ความช่วยเหลือได้มากกว่านี้เขาคิดจัดตั้งทีมอาสาสมัครบริการรับส่งเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ทั้งหลายโดยประกาศรับอาสาสมัครผ่านโมเมนต์วีแชทซึ่งมีข้อเรียกร้องแค่2ข้อคือ
1.ต้องพักอยู่คนเดียวเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทำให้คนอื่นติดเชื้อไวรัส 2.ต้องใส่หน้ากากอนามัยและทำการป้องกันการแพร่กระจายไวรัสที่เกี่ยวข้อง
หลังจากนั้นไม่นานนายวังหย่งก็ได้เพื่อนอาสาสมัครกว่า20คนพวกเขาสลับกันรับส่งเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ระหว่างบ้านกับโรงพยาบาลโดยใช้รถยนต์6คันแต่ก็รู้สึกไม่สามารถสนองความต้องการการเดินทางของเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์อย่างเต็มที่นายวังหย่งจึงติดต่อกับบริษัทรถจักรยานแชร์ใช้จำนวนหนึ่งอย่าง“โมไบค์”เพื่อขอความช่วยเหลือบริษัทโมไบค์ได้ให้ความร่วมมืออย่างแข็งขันและรีบจัดวางรถจักรยานแชร์ใช้ที่บริเวณโรงพยาบาลและโรงแรมรอบข้างหลายพื้นที่บริษัทรถจักรยานแชร์ใช้“ชิงจี๋ว์”ก็ให้การสนับสนุนเช่นกันโดยจัดวางจักรยาน400คันภายใน3วันช่วงนั้นนายวังหย่งคุยโทรศัพท์ทางวีดีโอกับภรรยาทุกคืนทั้งๆที่ไม่ได้บอกความเป็นจริงให้ครอบครัวทราบแต่พร้อมกับทำงานมากขึ้นและมักจะปรากฏตัวในโมเมนต์ของเพื่อนๆบางทียังให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวในที่สุดครอบครัวจึงรับรู้แล้วว่าวังหย่งกำลังทำงานนี้อยู่ภรรยามีความกังวลอย่างยิ่งแต่ก็เข้าใจและสนับสนุนในที่สุดนายวังหย่งกล่าวว่างานเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เขาอยากทำสิ่งที่ทำให้เขาลำบากใจเพียงเรื่องเดียวก็คือต้องขอโทษลูกสาวซึ่งคิดถึงพ่อตลอดและต้องแยกกันตั้งนานแต่พอคิดว่าเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์กำลังฟันฝ่าต่อสู้เพื่อช่วยชีวิตประชาชนเขาก็มีความตั้งใจยิ่งขึ้นว่าต้องอุทิศกำลังของตนเพื่อช่วยดูแลพวกเขาด้วยดีเท่าที่จะทำได้
พร้อมไปกับทีมงานทางการแพทย์จากท้องที่ต่างๆทยอยกันเดินทางถึงเมืองอู่ฮั่นเพื่อช่วยงานการรักษาผู้ป่วยนอกจากรับส่งเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์แล้วกลุ่มอาสาสมัครของนายวังหย่งยังระดมเงินบริจาค22,000หยวนเพื่อซื้อขนมปังและน้ำดื่มเพิ่มเติมให้กับหมอและพยาบาลที่ทำงานทั้งคืนต่อจากนั้นได้ทราบว่าโรงอาหารเดิมในโรงพยาบาลไม่พอที่จะสนองความต้องการด้านอาหารแล้วกลุ่มอาสาสมัครของนายวังหย่งก็รีบช่วยแสวงหาวิธีแก้ไขโดยได้ประสานงานกับร้านอาหารต่างๆวันถัดไปก็มีเจ้าของร้านอาสาให้ความช่วยเหลือโดยจัดทำอาหารกล่องส่งให้วันละกว่า100กล่องต่อจากนั้นไม่นานก็มีร้านอาหารอื่นๆแสดงความประสงค์ทำอาหารกล่องให้ฟรีอีกวันละ1,500 กล่อง ซึ่งสามารถขจัดปัญหาด้านอาหารการกินของโรงพยาบาลจินหยินถานโรงพยาบาลซินหวาและโรงพยาบาลเสียเหอรวม3แห่งสิ่งที่คาดไม่ถึงคือร้านอาหารดังกล่าวทำอาหารให้ได้เพียง2วันก็ถูกบังคับให้หยุดเนื่องจากไม่มีใบอนุญาตปรุงอาหารให้ทางโรงพยาบาล จากนั้น นายวัง หย่งจึงติดต่อประสานงานกับร้านอาหารอื่นๆ อีกกว่า 20 ร้าน ด้วยความพยายามอย่างไม่ลดละในที่สุดก็พบร้านอาหารที่มีสิทธิ์และสามารถสนองความต้องการได้นายวังหย่งให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่าเขาเป็นพลเมืองทั่วไปคนหนึ่ง แต่ในกระบวนการทำงานบริการอาสาสมัครต้องขอบคุณเพื่อนร่วมงานอาสาสมัครทั้งหลายและหน่วยงานต่างๆที่ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังซึ่งก่อนหน้านี้ตนเองไม่เพียงแต่เป็นคนส่งพัสดุด่วนยังได้ทำงานอื่นๆอีกมากมายด้วยและพยายามหาวิธีแก้ปัญหาที่เผชิญอยู่ทุกวันดังนั้นขอเพียงเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ต้องการความช่วยเหลือเขายินดีที่ก้าวออกมาและให้ความช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถเขาบอกว่าสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสครั้งนี้ นับเป็นเรื่องใหญ่ระดับโลก ในทั้งชีวิตของคนทั่วไป อาจไม่พบเรื่องราวสำคัญกว่านี้อีกหวังว่าลูกสาวโตขึ้นแล้วเมื่อนึกถึงสิ่งที่พ่อเคยทำนี้ จะรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขาเช่นกัน
Yim/Sun
听闻你
特别喜欢(´-ω-`)听,谢谢(´-ω-`)
某虾z
谢谢呀!发现了宝藏哈哈哈😄
听友192870951
希望能多更新一点
小粉咔 回复 @听友192870951:
好的,谢谢反馈哦
待我长发及肩就好
这就是泰国新闻了吗
小粉咔 回复 @待我长发及肩就好:
是的呢
fmcrystal橙子
ชอบฟังมากก😆ขอบคุณที่แชร์